วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สติ๊กเกอร์ส้รางแบนด์ แบนด์สร้างชื่อ

       ไม่แปลกใจเลยว่า ปัจจุบัน นักลงทุนส่วนใหญ่ที่สร้างแบนด์ จะเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ให่เกิดมูลค่าต่าง ๆ มากมาย พิมพ์สติ๊กเกอร์ ออกแบบง่าย ๆ สามารถติดได้ทั่วไปทั้งผลิตภัณฑ์ ใบปลิว กล่อง หรือขวด ลงทุนพิมพ์ไม่มีกี่บาท ก็ได้หลายร้อยดวง เฉลี่ยดวงละ 0.50 - 5.00 บาท เท่ากับว่าเราได้ใช้จ่ายในการโปรโมทแก่ลูกค้าในราคาเริ่มติ้นเพียง 50 สตางค์ การพิมพ์สติ๊กเกอร์ หากยิ่งสั่งมาก ราคาต่อหน่วยก็จะยิ่งถูกลง

      สติ๊กเกอร์ที่ใช้ในงาน พิมพ์สติ๊กเกอร์ มีทั้งเนื้อมัน เนื้อด้าน หรือแม้แต่กระดาษคราฟ รวมถึงสติ๊กเกอร์กันปลอมที่ฉีกแล้วเกิดความเสียหายบนตัวกล่องบรรจุภัณฑ์

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

สื่อโฆษณาในรูปแบบ ปฏิทินสื่อที่ใช้ได้ตลอดทั้งปี 2559

ปฏิทิน 2559
              สื่อโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้มอบเป็นของที่ระลึก หรือของขวัญ สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปี
มีหลายรูปแบบ หลายขนาดให้เลือกตามความชอบ สามารถประยุกต์ได้หลากหลายตามความต้องการ เช่น
        • ปฏิทินแบบตั้งโต๊ะ
        • ปฏิทินแบบแขวนผนัง
        • ปฏิทินแบบโปสเตอร์
        • ปฏิทินแบบโปสการ์ด
        • ปฏิทินแบบนามบัตร
             รูปแบบความสวยงามของปฏิทินขึ้นอยู่กับการออกแบบ โดยสามารถใส่ข้อความ และรูปภาพได้ โดยรูปภาพควรมีคุณภาพที่คมชัดเพื่อความสวยงาม และใช้ซอฟแวร์ที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ ตรงตามความต้องการ
            สามารถเพิ่มความพิเศษให้แก่ปฏิทินได้หลากหลายแบบไม่เหมือนนใครด้วยการไดคัทเป็นรูปต่างๆ การปั๊มต่างๆ เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รูปลักษณ์ในการผลิตกล่องเครื่องสำอาง

       การผลิตกล่องเครื่องสำอาง นอกจากต้องให้เข้า กับแบนด์แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึง นั้นคือรูปลักษณ์ในการออกแบบและการเลือกใช้กระดาษให้เข้ากับตัวชิ้นงาน การผลิตกล่องเครื่องสำอาง นิยมใช้กระดาษอาร์ตการ์ต 300 แกรมขึ้นไป หรือจะใช้กระดาษกล่องแป้งความหนาเริ่มต้นที่ 260 แกรม มีทั้งแบบ box set หรือกล่องที่มีตัวล๊อค การผลิตกล่องเครื่องสำอาง สามารถเริ่มต้นจากจำนวนน้อย ๆ เพื่อเจาะกลุ่มตลาด และนำมาพัฒนาและปรับเปลี่ยน ให้มีรูปลักษณ์ที่บลูกค้าพึงพอใจ การผลิตกล่องเครื่องสำอาง สามารถสั่งผลิตได้ทั้งระบบดิจิตอล และระบบออฟเซ็ท
      การพิมพ์ระบบดิจิตอลคือ ระบบการพิมพ์แบบไม่มีขั้นต่ำ สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ ซึี่งมีความเหมาะสมทเป็นอย่างมากในการผลิตกล่องเครื่องสำอาง ในจำนวนไม่ถึงหลักหมื่น

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รูปแบบการพิมพ์หนังสือสวดมนต์ขนาดพกพา

 การพิมพ์หนังสือสวดมนต์มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งขนาด A6, A5, และA4 มีทั้งการเข้าเล่มแบบมุงหลังคา และ ไสกาว นอกจากนั้น การพิมพ์หนังสือสวดมนต์นิยมพิมพ์ออกมาเป็นใบปลิว ๆ แล้วนำมาพับเป็นทบเหมือนใบลาน ภายในมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทสวดมนต์ เนื้อหา บทสวด สาระที่ใช้ดำเนินชีวิต หรือมงคลชีวิต 38 ประการ แม้กระทั้งหลักคำธรรมสอนของพระเกจิชื่อดัง การพิมพ์หนังสือสวดมนต์ ปก 4 สี 2 หน้า เคลือบเงา 1 ด้าน และมีเนื้อใน 24 หน้า พิมพ์ 4 สี 2ด้าน

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พิมพ์หนังสือ จำนวนน้อย ไม่มีขั้นต่ำ ด้วยระบบดิจิตอล

Book on demand รูปแบบของการ พิมพ์หนังสือ จำนวนน้อย ไม่มีขั้นต่ำ เช่น หนังสือวิจัย หนังสือรายงาน หนังคู่มือการใช้งาน หนังสือเรียน หนังสือรุ่น นิตยสาร เป็นต้น โดยการพิมพ์หนังสือจะต้องมีจำนวนหน้าค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับข้อความ บทบรรยายต่างๆ รวมทั้งรูปภาพ อย่างน้อยควรมีจำนวนหน้าตั้งแต่ 8 หน้าขึ้นไป

ขนาดของหนังสือที่นิยม คือ ขนาด A5 (14.8 x 21 cm.) และขนาด A4 (21 x 29.7 cm.) โดยขนาดอื่นๆก็สามารถดัดแปลงได้ตามต้องการ

รูปแบบการเข้าเล่มของหนังสือโดยทั่วไป คือ
    • การเข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคา จำนวนตั้งแต่ 8 หน้า ขึ้นไป
    • การเข้าเล่มแบบไสกาว จำนวนตั้งแต่ 100 หน้า ขึ้นไป
    • การเข้าเล่มแบบเย็บกี่ไสกาว จำนวนตั้งแต่ 300 หน้า ขึ้นไป
    • การเข้าเล่มแบบปีกผีเสื้อ จำนวนตั้งแต่ 12 หน้า ขึ้นไป
    • การเข้าเล่มแบบห่วงเหล็ก จำนวนตั้งแต่ 8 หน้า ขึ้นไป
    • การเข้าเล่มแบบยึดหมุด จำนวนตั้งแต่ 20 หน้า ขึ้นไป
Book on demand พิมพ์หนังสือ จำนวนน้อย ไม่มีขั้นต่ำ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับลูกค้าที่สนใจสั่งผลิตแต่มีจำนวนในการสั่งไม่มาก ก็สามารถทำได้ด้วยระบบงานพิมพ์แบบ Digital Printing

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนาดของงานพิมพ์คูปองที่นิยมใช้

งานพิมพ์คูปองที่นิยมใช้ โดยส่วนใหญ่จะคำนึงถึงปัจจัยด้านการใช้เป็นหลัก ไม่เล็กไม่ใหญ่มากเกินไป สามารถเห็นข้อมูล รายละเอียดเงื่อนไขได้ชัดเจน รวมถึงมี Security เพราะในกรณี งานพิมพ์คูปองจะมีลักษณะคล้ายกับบัตรแทนเงินสด เพราะหากขาด Security การปลอมแปลงย่อมเกิดขึ้น งานพิมพ์คูปองจะมีการ Run number จำกัดเพียง 100, 500 หรือ 1,000 ใบ งานพิมพ์คูปองบางกรณีจะแบ่งป็น 2 ฝั่ง ฝั่งแรกจะเป็นหัวคูปอง อีกฝั่งจะเป็นหางคูปอง ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไข วัน เวลา ที่ระบุ พิมพ์บนกระดาษไม่หนาและบางมาก พกพาสะดวก โดยปกติทั่วไปขนาดของงานพิมพ์คูปอง นิยมใช้กระดาษอาร์ตมัน หรือกระดาษปอนด์ตั้งแต่ 70 + 160 แกรม การออกแบบ จะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการ 

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลูกเล่นของการทำการ์ดเชิญที่ทำให้ไม่ธรรมดา

การทำการ์ดเชิญ ในสิ่งตีพิมพ์ที่นิยมพิมพ์ลงบนกระดาษ 1 ใบ แต่จะมีรูปแบบที่สวยงามได้หลากหลาย เช่น การไดคัทตัดปลิวเป็นรูปต่างๆ การพับ 2 ตอน ,พับ 3 ตอน , พับหน้าต่าง เป็นต้น

ซึ่งในบางกลุ่มบริษัท ห้าง ร้าน มักจะนิยมใช้ใน การทำการ์ดเชิญ เป็นสื่อแสดงถึงความยินดีถึงลุกค้า หรือ สมาชิก เช่น ในวันครบรอบวันเกิดของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในองค์กร


รูปแบบของการทำการ์ดเชิญ ควรใช้กระดาษที่มีความหนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษพิเศษที่มีทั้งสี พื้นผิว และกลิ่น เพื่อเพิ่มความสวยเก๋ให้กับการทำการ์ดเชิญ ได้ และพิมพ์แบบ 4 สี หรือขาวดำ1 หน้า , 2 หน้า เพิ่มความสวยงามเข้าไปอีกด้วยการเคลือบด้วย PVC หรือ UV ทั้งเงาและด้านได้ หรือจะเพิ่มความสวยงามด้วยการ SPOT UV , ปั๊มนูน , ปั๊มเคเงิน , เคทอง  

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การเลย์งานพิมพ์ใบปลิวก่อนจัดพิมพ์

โดยปกติงานพิมพ์ใบปลิวจะมีขนาด ตั้งแต่ A6, A5, A4 และ A3 งานเลย์แล้วได้จำนวนงานบนกระดาษที่กำหนดที่จะพิมพ์ย่อมแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ขนาดกระดาษที่จะนำเข้าเครื่องพิมพ์ มีขนาด 19.2 x 12.6 นิ้ว งานพิมพ์สำเร็จที่เราต้องการคือ งานพิมพ์ใบปลิวขนาด A4 วึ่งมีขนาดเท่ากับ 8.3 x 11.7 นิ้ว จะสามรถเลย์บนกระดาษ 19.2 x 12.6 นิ้ว ได้เท่ากับ 2 ใบด้วยกัน หลักการหาความคุ้มค่าในการวางงานพิมพ์ใบปลิวบนกระดาษที่นำเข้าเครื่องพิมพ์คือ นำด้าน ยาว ของกระดาษที่ส่งเขาเครื่องพิมพ์ หารด้วย ขนาดงานพิมพ์ใบปลิวขนาดสำเร็จนั้นคือ 19.2 ÷ 11.7 นิ้ว = 1.61 เพราะฉะนั้น เลย์งานด้านนี้ได้ 1 ใบ และนำด้านที่เหลือมาหาร 12.6 ÷ 8.3นิ้ว = 1.51 เพราะฉะนั้น เลย์งานด้านนี้ได้ 1 ใบ เท่ากับว่าการเลย์งานครั้งนี้มีพื้นที่ว่างทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ แต่เมื่อกลับด้านการหาร 19.2 ÷ 8.3 = 2.31 เพราะฉะนั้น เลย์งานด้านนี้ได้ 2 ใบ และ 12.6 ÷ 11.4 = 1.10 เพราะฉะนั้น เลย์งานด้านนี้ได้ 1 ใบ และ เพราะฉะนั้น การเลย์งานครั้งนี้เราได้ผลลัพท์ก2ใบ บนกระดาษขนาด 19.2 x 12.6 นิ้ว

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การเข้าเล่ม ทำเมนูอาหารโดยการยึดหมุด

การเข้าเล่ม ทำเมนูอาหารโดยการยึดหมุด นิยมกับมากในร้านอาหารที่มีการเปลี่ยนรายการอาหารบ่อย เพราะสามารถลื้อถอด และ ใส่เข้าไปใหม่ได้ โดยส่วนใหญ่หมุด ที่ทำเมนูอาหาร จะมีขนาด 4 mm. ขึ้นไป โดยวัดได้จากสันของเมนูอาหาร ไม่ควรบางไปมากกว่า หมุดที่ใช้ในการ ทำเมนูอาหาร จะเป็นลักษณะเกลียวน๊อต มีตัวผู้ ตัวเมีย มีทั้ง สีเงิน สีทอง ราคาไม่ต่างกันมาก

ทำเมนูอาหาร แบบยึดหมุด หากเป็นขนาด A4 จะยึดด้วยหมุดจำนวน 3 ตัว ส่วนในขนาด A3 ซึ่งมี่ขนาดใหญ่กว่า จะยึดหมุด 4 – 5 ตัว จำนวนหน้าควรลงท้ายด้วยจำนวนคู่ เริ่มตั้งแต่ 20 หน้า ขึ้นไป โดยพิมพ์บนกระดาษอาร์ตการ์ต 300 – 350 แกรม จะเคลือบ PVC ด้าน หรือเงา แล้วแต่ความชอบ หรือเพิ่มความโด่ดโดยการเคลือบ PVC ด้าน และ Spot UV ในส่วนที่เป็นเมนูอาหาร พร้อมทั้งได้คัทเมนูอาหาร

และใส่ Index ก็จะเพิ่มความเก๋ ให้แก่เมนูอาหารของท่าน แต่ทั้งนี้ต้องดูต้นทุนการผลิตควบคู่กัน ยิ่งเพิ่มรายละเอียดงานมาก ต้นทุนในการผลิตก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะการทำ Spot UV โดย่สนใหญ่ร้านที่รับทำจะเป็นการเหมาจ่าย และมีเรทขั้นต่ำตามจำนวนใบชงานพิมพ์ หากเราต้องการทำเมนูอาหาร และมีการ Spot UV เฉพาะปกเพียงจุดเดียว เท่ากับว่า เราได้ทำการ Spot UV จำนวน 10 ใบ แต่ร้านที่รับทำ จะคิดเป็นราคาเหมา (ค่าเปิดเครื่อง) 2 – 3 พัน บาทขึ้นไป ในการเข้าเล่มแบบยึดหมดควรเว้นขอบรอบด้าน 1.5 cm. เพื่อความสวยงาม ในด้านที่เข้าสันควรเพิ่มระยะห่างออกมาอี 0.5 cm. โดยรอบด้านเว้นอยู่แล้ว 1.5 cm. เท่ากับด้านที่ต้องเข้าสัน ต้องเว้นเพิ่มเป็น 2 cm.


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แนวทางการเพิ่มยอดขายด้วยการตลาดทางตรง (Direct Mail)

การเพิ่มยอดขายมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน หนึ่งในวิธีที่ง่ายไม่ซับซ้อนคือการออกโปรโมชั่นที่ดึงดูดเพื่อกระตุกความอยากซื้อของลูกค้า แต่สิ่งที่เราไม่ทราบกันคือ การออกโปรโมชั่น แม้จะออกมาดีแค่ไหน คิดมาเยอะ สำรวจตลาดมาเยอะแค่ไหน สุดท้ายถ้าโปรโมชั่นที่เราคิดมาไปไม่ถึงลูกค้า (พูดง่ายๆ คือข่าวโปรโมชั่นไปไม่ถึงลูกค้า หรือไปถึงลูกค้า แต่ไม่ตรงกลุ่ม) สินค้าหรือบริการก็ขายไม่ได้อยู่ดี

แนวทางการเพิ่มยอดขายที่เราจะมาแนะนำกันก็คือ การ ทำ Direct Mail
เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นิยมกัน เพราะสามารถนำพาสินค้าและโปรโมชั่นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
การทำ Direct Mail เราจำเป็นจะต้องมีฐานข้อมูลลูกค้าอยู่แล้ว อาจจะใช้ข้อมูลสมาชิก หรือประวัติการเข้ามาใช้งานของลูกค้า อาทิ ชื่อ-นามสกุล, เพศ, ที่อยู่ ลักษณะนิสัย ความต้องการ หรือชอบใช้สินค้าประเภทไหน เป็นต้น



วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข้อควรรู้ก่อนลงมือทำงานพิมพ์การ์ดเชิญ


การ์ดเชิญ (Card) สิ่งพิมพ์ที่กลุ่มบุคคลทั่วๆไปนิยมใช้ไม่ว่าจะเป็น การ์ดเชิญใช้ในพิธีการต่างๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีอุปสมบท พิธีแสดงความยินดี หรือกระทั่งใช้แทนความรู้สึกบอกความในใจ เช่น คู่รักมอบการ์ดในวันวาเลนไทน์ ลูกหลานมอบการ์ดบอกรักในวันแม่ หรือวันพ่อ 

ซึ่งการพิมพ์การ์ดเชิญ (Card) มักจะมีบทบาทสำคัญๆในหลายพิธีการ ไปจนถึงกลุ่มองค์กร , ห้าง , ร้าน ที่ใช้ การ์ดเชิญ (Card) เข้ามาเป็นสื่อในการสร้างความประทับใจแก่สมาชิก หรือลูกค้าคนสำคัญ

รูปแบบโดยทั่วไปของ การ์ดเชิญ (Card)

  • ควรใช้กระดาษที่มีความหนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษพิเศษ
  • ขนาดสำเร็จ 4 x 6 นิ้ว , 5 x 7 นิ้ว , 5.8 x 8.3 นิ้ว ขนาดอื่นๆนอกเหนือจากนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
  • ระบบพิมพ์มีทั้งพิมพ์ 4 สี 1 หน้า , พิมพ์ 4 สี 2 หน้า สามารถเคลือบด้วย PVC หรือ UV ทั้งเงาและด้านได้ หรือจะเพิ่มความสวยงามด้วยการ SPOT UV , ปั๊มนูน , ปั๊มเคเงิน , เคทอง 

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ออกแบบใบปลิว ยังไง ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และยังสามารถใช้ได้จริงทุกสถานการณ์

การออกแบบและพิมพ์ใบปลิว สิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นที่นิยมในระดับสากลนั้นก็คือ การสำรวบกลุ่มเป้าหมาย ว่า สิ่งที่เค้าต้องการนั้นคืออะไร และสามารถตอบสนอง เร้าอารมย์ ให้คนติดตาม และส่งเสริมให้สินค้าของเราได้เข้าถึง 

รูปแบบมากมายสำหรับกาพิมพ์ใบปลิว ยังต้องคำนึงถึงวัตถุดิบที่ใช้ เท่ากับว่าเราต้องคิดถึงต้นทุนที่เราต้องผลิต เริ่มตั้งแต่ว่า ข้อมูลที่เราได้รับมาก หรือน้อย และควรใส่ในใบปลิว ประเภทไหน ข้อความน้อยแต่เน้นรูปภาพเยอะ อาจจะเหมาะกับใบปลิว ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานที่ไม่เน้นข้อความ แต่เน้นการนำเสนอภาพมากกว่า

ขนาดของการพิมพ์ใบปลิว ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ใหญ่มากก็ไม่ดี เล็กมากก็ไม่ใช่คำตอบ โดยปกติกระดาษที่ใช้ในการผลิตใบปลิว จะเป็นกระดาษประเภท อาร์ตมัน หรืออาร์ตด้าน มีขนาดตั้งแต่ 105 - 160 แกรม มีขนาดตั้งแต่ A6 จนถึง A4 และยังสามารถพัฒนาไปถึงไดคัทเป็นกระดาษรองแก้ว รองจานเลยที่เดียว

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บริการภาพถ่าย เพื่อใช้ในงานทำเมนูอาหาร

การถ่ายภาพเพื่อจัดทำเมนูอาหาร สิ่งที่ต้องเตรียมการคือ เมนูที่ต้องการนำเสนอ จัดแสง จัดสีและองค์ประกอบเพื่อให้น่ารับประทาน ปัจจุบัน มีบริการถ่ายภาพนอกสถานที่ให้เราเลือกมากมาย มีหลายเรทราคาด้วยกัน โดยส่วนใหญ่ การคิดราคาถ่ายถาพเพื่อทำเมนูอาหาร จะคิดราคาแบบเหมาจ่ายเป็นชั่วโมง หรือรายวัน เริ่มตั้งแต่ชั่วโมงละ 1,500 บาท ถึงเหมาจ่าย วันละ 6,000 บาท แล้วแต่ว่าทางร้านจัดโปรโมรชั่น 

หลังจากที่ได้ภาพถ่ายมาแล้ว ควรเปลียนชื่อ แต่ละภาพให้เป็นชื่อเมนูอาหารของทางร้าน เพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบ และจัดวาง คัดแยกประเภทอาหาร จัดหมวดหมู่ให้เป็นระบบ และคุณภาพของภาพแต่ละภาพ ต้องเท่าเทียมกัน การถ่ายภาพอาหารนั้น ต้องเสร็จภายใน 1 วัน เพื่อง่ายต่อการจัดแสง และง่ายต่อการคุมโทนของอาหาร